“นภัทร สมหวังสกุล” กับ เคล็ดลับการสร้างแบรนด์ความงาม “PWP”

สัมภาษณ์พิเศษ  “นภัทร สมหวังสกุล” กับ เคล็ดลับการสร้างแบรนด์ความงามให้ปัง!!!  กับความเป็นมา  ของแบรนด์ PWP

พบกับสาวสวยมากความสามารถ คุณมิ้นท์- นภัทร สมหวังสกุล  ผู้บริหารฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) บริษัท เออีซี อินโนเวชั่น คอส จำกัด  มาพูดคุยเปิดใจในเรื่อง“เคล็ดลับการสร้างแบรนด์ความงามให้ปัง”  และความสำเร็จของแบรนด์ PWP  

คุณมิ้นท์- นภัทร สมหวังสกุล เกริ่นให้ฟังถึงความเป็นมา เกี่ยวกับตัวเองให้เราฟังว่า ” อย่างส่วนตัวมิ้นก็เป็นคนที่ชอบเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว ก็จะหาอะไรมาใช้บำรุงผิวตัวเองอยู่แล้ว ก็เลยมองเห็นว่าการที่เราชอบและเราก็มีเคล็ดลับในการดูแลตัวเองอยู่แล้วก็เลยคิดจะทำสินค้าดีๆ ออกมาให้กับคนรอบข้างได้ใช้ดู ก็เลยเป็นจุดกำเนิดของเราค่ะ ตอนแรกยังเป็น SSOK กับแบรนด์อื่นอยู่ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนมาเป็น PWP  ก็จะเป็นแบรนด์ที่มิ้นท์เป็นผู้บริหารค่ะ มิ้นเริ่มมาจากแบรนด์ SSOK แล้วก็มาเป็น Bio Skin แล้วก็มาเป็น PWP ซึ่งเป็นบริษัทนี้เลยแต่ว่าเราเปลี่ยนแบรนด์มาเรื่อยๆ จนมาจบที่ PWP

ที่มาของชื่อแบรนด์ PWP 

เนื่องจากแบรนด์ SSOK และ Bio Skin ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนเป็นสินค้าที่ขายไปยังต่างประเทศ และประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือประเทศจีน ดังนั้นพอเราไปจดทะเบียนการค้าที่เมืองจีน Bio Skin มีคนจดทะเบียนอยู่แล้ว เราไม่สามารถที่จะใช้คำนี้ได้เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องรีแบรนด์ใหม่ เพื่อให้เข้าถึงทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น สามารถกระจายไปในประเทศอื่นๆ ได้ง่าย โดยรีแบรนด์มาเป็น PWP เข้าปีที่ 2 แล้วค่ะ

ชื่อแบรนด์ PWP มีที่มาหรือตัวย่อมาจากคำว่าอะไร

PWP ย่อมาจาก Product with principle ค่ะ เหมือนกับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาด้วยหลักการกว่าจะมาเป็นสินค้าเพื่อความสวยความงามของเรา เพราะว่าเรามี RD เรามีโรงงานเป็นของตัวเองกว่าที่เราจะผลิตสินค้ามาแต่ละตัว RD ก็จะต้องวิเคราะห์แล้วว่าสารสกัดแต่ละตัวมันเหมาะกับประเทศไทยรึเปล่า เหมาะกับคนประเภทไหน ใช้เพื่อบำรุงอะไร เราก็จะมีหลักการในการวิเคราะห์ว่าถ้ารักษาริ้วรอยควรจะเป็นแบบไหน เราไม่ได้ตามเทรนด์ไปเรื่อยๆ นะคะ

หลังจากตีตลาดเข้าไปในเมืองจีน สินค้าตัวไหนที่ทำให้ประสบความสำเร็จ

เป็นตัวไฮลูคอลลาเจน จะเป็นตัวไฮยาลูโรนิคแอซิดกับคอลลาเจน ก็คือคนจีนประเทศเขาจะหนาว เขาก็จะอยากได้อะไรที่บำรุงผิว ตัวนี้ก็จะบำรุงและให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้เป็นอย่างดี แล้วด้วยรูปลักษณ์ ราคามันไม่ได้แพงมากแล้วสินค้าใช้แล้วโอเคลูกค้าชอบมันก็เลยเป็นกระแส ผลตอบรับที่ค่อนข้างดีมาก

จุดเด่นของแบรนด์ที่ทำให้สามารถตีตลาดเมืองจีนได้

คนจีนเขาไม่ค่อยใช้ของเมืองจีน คนจีนจะชอบใช้ผลิตภัณฑ์ของเมืองไทยอยู่แล้วเพราะถ้าเกิดเราสังเกตจะเห็นว่าชาวต่างชาติจะชอบมาเที่ยวเมืองไทยแล้วเขาก็จะสรรหาไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรือว่าผลไม้ไทย รวมถึงครีมบำรุง อะไรที่เป็นของไทยเนี่ยคนไทยมักจะไม่ใช้ของบ้านเรา ต่างชาติพอมาประเทศเรา ชื่นชอบประเทศเรา แล้วอะไรที่เป็นเมดอินไทยแลนด์เขาก็จะชอบมากเลยสำหรับคนจีนนะคะ  ฐานลูกค้าของเราคนจีนก็เรียกได้ว่าเหนียวแน่น  70% ที่เป็นคนจีน ถ้าเปรียบเทียบกันแบรนด์ของเราคนไทยจะไม่ค่อยรู้จัก PWP แต่ถ้าเป็นคนจีนเขาก็จะรู้จักสินค้าของเรา

ตัวผลิตภัณฑ์ที่คนจีนชื่นชอบก็จะเป็น ไฮลูคอลลาเจน แล้วเราก็เอามาแตกไลน์เป็นสองสูตร แล้วสองสีนี้มันแตกต่างกันอย่างไร

ตัวแรกจะบำรุงรอยสิวให้สำหรับเด็กที่อายุประมาณ 20 ต้นๆ เพื่อบำรุงผิวให้ขาวใสปกติ แต่ถ้าเป็นอีกตัวมันก็จะพรีเมียมขึ้นมานิดหนึ่ง จะช่วยในเรื่องของริ้วรอย

พอสินค้าตัวแรกประสบความสำเร็จ ตีตลาดเมืองจีนเรียบร้อยก็เริ่มปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวที่สองออกมาเป็นตัวนี้รึเปล่า

ใช่ค่ะ ก็จะเป็นมาส์กตัวที่สองซึ่งก็จะเป็นซีรี่ส์เดียวกัน หลักๆ ของตัวแบรนด์ PWP สินค้าของเราจะมีส่วนผสมของไฮลูคอลลาเจน (เน้นเห็นผลเร็วใช่ไหม) มันก็เห็นผลเร็วนะคะแต่ว่าเราจะไม่ใส่สารที่เป็นอันตราย และจะไม่ค่อยใส่น้ำหอม อย่างสองตัวนี้จะไม่มีน้ำหอมและพาราเบน ปลอดภัยแน่นอน คนท้องใช้ได้ วัยรุ่นใช้ได้ สำหรับตัวนี้หากเราใช้มาส์ก1 แผ่น จะเทียบเท่ากับการทาครีมประมาณ 1 สัปดาห์เป็นเหมือนการรีบูท เพราะว่ามาส์กจะมีเซรั่มค่อนข้างเข้มข้นมากกว่า ราคาจะตกอยู่ที่กล่องละ 450 บาท มีประมาณ 7 แผ่น

กว่าจะประสบความสำเร็จมาจนมาเป็นแบรนด์ PWP อย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง แล้วผ่านมาได้อย่างไร

ทุกวันนี้มิ้นท์ว่าก็ยังมีอุปสรรคอยู่นะคะ ทุกวันเราจะเจออุปสรรคตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าเรามองในเรื่องของเราเจออุปสรรคเนี่ยเราก็อย่ามองว่ามันเป็นปัญหา เราก็จะมองว่ามันต้องมีอะไรดีๆ อยู่ในอุปสรรคตรงนั้นเพราะฉะนั้นเราก็จะเปลี่ยนมุมมองและเรียนรู้กับอุปสรรคตรงนี้แล้วก็จะทำให้มันไม่เจอปัญหาตรงนี้อีก ก็ไม่ย่อท้อและทำต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

ในด้านของตลาดจีนตอนนี้เราวางจำหน่ายทางช่องทางไหนบ้าง

เป็นช่องทางออนไลน์ ทางแอปพลิเคชัน WeChat Taobao แล้วเราก็จะมีการทำการตลาดที่เมืองจีนด้วย อย่างเช่น Little red แล้วก็ให้เน็ตไอดอลที่เมืองจีน ไลฟ์สด แล้วก็มี Tiktok เป็นแอปพลิเคชันของคนจีน (แล้วฟีดแบคเป็นอย่างไรบ้าง ได้ผลดีเลยใช่ไหม) ได้ผลดีค่ะ เพราะว่าเราทำควบคู่กัน คือสินค้าไทยที่คนต่างชาติชอบ เราจะไม่สามารถที่จะทำตลาดแค่เฉพาะเมืองจีนได้อย่างเดียว เราก็ต้องทำตลาดให้เมืองไทยด้วยเพื่อให้เวลาที่คนต่างชาติมาเมืองไทย เขาก็จะได้เห็นว่าสินค้านี้ผลิตที่ประเทศไทยและมีจำหน่ายที่เมืองไทยจริงๆ

แล้วที่เมืองไทยมีจำหน่ายที่ไหนบ้าง นอกจากช่องทางของทางแบรนด์เอง

จะมีจำหน่ายอยู่ที่คิงพาวเวอร์ เราเป็นแบรนด์ไทยโนเนม แบรนด์แรกเลยที่ได้ไปวางขายที่คิงพาวเวอร์ แล้วก็มีร้านบูท และวัตสันก็กำลังจะนำเข้าไปแล้ว Eveandboy, TSURUHA, Mushimoto, Seven, ร้านเพรียว มีวางจำหน่ายเกือบหมดแล้ว ถ้าตอนนี้เข้ามาที่ไทยก็สามารถหาซื้อได้เลย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้นำเข้าทุก SKU กำลังนำเข้าไปอยู่

แล้วผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์จะมีทั้งหมดกี่ SKU

ปีหน้าน่าจะเพิ่มอีก 2-3 SKU เลยค่ะ แต่ตอนนี้มี 5 SKU ค่ะ ก็คือที่เราเห็นอยู่ตอนนี้แล้วก็จะมีกันแดดอีกหนึ่งตัว ตอนนี้เรากำลังทำแพคเกจใหม่สำหรับกันแดดอยู่ยังไม่เสร็จ ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีอันดับหนึ่งก็จะเป็นตัวสีขาว รองลงมาก็จะเป็นตัวสีทอง แล้วก็จะเป็นโฟม ซึ่งก่อนที่จะเป็นสูตรนี้เราก็มีสูตรเดิมอยู่แล้ว โฟมสูตรเดิมก็จะขายดี แต่ว่าโฟมกับครีมสูตรใหม่ยังไม่มีจำหน่ายครบทุกช่องทางกำลังอยู่ในช่วงกระบวนการนำเข้า

ฐานลูกค้าตอนนี้ 70% จะเป็นคนจีน ฮ่องกง มาเก๊า เซี่ยงไฮ้บ้างแล้ว ในอนาคตมีแพลนขยายตลาดไปในประเทศไหนอีกบ้าง

ตอนนี้เราก็อยากจะมีไปประเทศ AEC เดี๋ยวปีหน้าเราก็จะไปออกบูทโปรโมท AEC แล้วก็มีฝั่งยุโรป ตะวันออกกลางที่มาเป็นตัวแทนจำหน่ายกับเราเรียบร้อยแล้ว มันอเมซิ่งมากเลยค่ะ เขาเป็นลูกค้าไปซื้อสินค้าเราตัวสีทองมาใช้แล้วชอบ ใช้แล้วเห็นผล มีติดต่อมาจากจอแดนเลยนะคะ แล้วก็จองตั๋วเครื่องบินมาเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายกับเรา

ตอนที่เราไปเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของงาน Beyond Beauty ฟีดแบคเป็นอย่างไรบ้าง

ฟีดแบคค่อนข้างดีเลยค่ะ โดยเฉพาะฝั่งตลาดอินเตอร์จะค่อนข้างให้ความสนใจกับแบรนด์ของเรามาก หลังจากจบงานก็มีการติดตามและติดต่อกันประมาณ 20-30 เจ้าเลยที่ให้ความสนใจกับเรา (แล้วมีการปิดดีลกันได้บ้างไหม) ทยอยปิดค่ะ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา คุยเรื่องเงื่อนไขกันอยู่ค่ะ

จุดเด่นของแบรนด์ที่ทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น

อย่างแรกเลยจุดเด่นของเรา คือราคา ราคาของเราเป็นราคาที่จับต้องได้ เศรษฐกิจตอนนี้มันค่อนข้างเป็นอะไรที่ควักเงินออกจากกระเป๋ามันก็ต้องคิด เราได้เปรียบตรงที่เรามีโรงงานของตัวเอง เรามีต้นทุนราคาที่ถูกกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นเวลาผลิตอะไรออกมาเราก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเศรษฐกิจตอนนี้ ควรจะขายในราคาเท่าไหร่เพื่อให้เหมาะ ราคาของเราอย่างแรกเลยสินค้าทุกตัวของเราราคาจับต้องได้ จับไปแล้วไม่รู้สึกว่าต้องวางหรือไม่ซื้อดีกว่า โฟมราคา 170 บาท แล้วแพคเกจขนาดนี้ ทั้งเรื่องของแพคเกจ ปริมาณ และคุณภาพมันคุ้มค่า คุ้มราคา

กลุ่มเป้าหมายของสินค้าเป็นประเภทไหนบ้าง

กลุ่มเป้าหมายของเราส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ประมาณ 80-90% เลย ส่วนผู้ชายก็จะอยู่ที่ประมาณ 20% ช่วงอายุก็จะอยู่ที่ 22-45 ปีค่ะ เพราะสินค้าของเราจะเน้นบำรุง ริ้วรอยบางๆ ไม่ถึงกับริ้วรอยลึก เน้นให้ความชุ่มชื่น ขาวใส แก้ปัญหาอย่างฉับพลัน ยังไม่ได้เน้นฝ้ากระ แต่เดี๋ยวเราก็จะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ

 

แบรนด์ของเรามีตัวแทนจำหน่ายในไทยด้วยรึเปล่า

มีค่ะ เป็นร้านเอเจนซี่ตามจังหวัดท่องเที่ยว อย่างเช่นเชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ห้วยขวาง ประตูน้ำ ก็จะมีเป็นดีลเลอร์ของเราซึ่งจะเป็นหน้าร้านจริงๆ แล้วก็มีออนไลน์ด้วยค่ะ (นอกจากไอดอลจีนเรามีวิธีทำการตลาดอย่างอื่นอย่างไรบ้าง) ก็จะมีบิลบอร์ดตามป้ายต่างๆ โฆษณาบนเครื่องบน แล้วก็ในเพจ ตอนนี้ออนไลน์ค่อนข้างมาเราก็จะมีการโปรโมทเพจไปด้วย แล้วปีหน้าแพลนของเราก็คือจะโฆษณาทางทีวีในประเทศไทยค่ะ ปีหน้าแผนของเราคือจะตีตลาดเมืองไทยมากขึ้น

ตั้งเป้าหมายในอนาคตของแบรนด์ไว้อย่างไรบ้าง

ยอดของเราก็ค่อนข้างดีขึ้นทุกปีนะคะ ถึงตามเป้าตลอด เป้าหมายใหญ่ของเราเลยก็คืออยากให้แบรนด์ PWP เนี่ยเข้าตลาดหลักทรัพย์ ตั้งเป้าว่าไม่เกิน3 ปีนี้เราต้องทำให้ได้ค่ะ

นอกเหนือจากที่จะการทำตลาดในไทยอย่างการเปิดตัวในงาน Beyond Beauty แล้วสำห รับทั่วๆ ไปจะมีช่องทางโปรโมทให้รับรู้ได้อย่างไรบ้าง

เราก็มีการออกไปทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัย ออฟฟิศ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีคนไทยและต่างชาติอยู่ด้วยแล้วเดี๋ยวเราก็จะมีไปงาน Road showค่ะ ไปทรูปเลยค่ะ (ไปมาแล้วด้วยใช่ไหมคะ แล้วฟีดแบคเป็นอย่างไรบ้าง) ไปมาแล้วด้วยค่ะ แล้วก็ยังจะไปต่อ ฟีดแบคนะคะ ยอดขายเราก็ดีมากขึ้น เพราะว่าเราไปด้วยก็จะโปรโมทด้วยว่าสินค้าเรามีจำหน่ายผ่านช่องทางไหนบ้าง เราก็ได้ฟีดแบคจากช่องทางการจำหน่ายของเราว่ายอดมันเขยิบขึ้นมานะเราไปทำอะไรมา ซึ่งมันก็ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำมันตรงกับกลุ่มเป้าหมายเลยเพราะว่าผลลัพธ์มันออกมาให้เห็นเลยว่ามันเพิ่มขึ้น (แล้วนอกเหนือจากตรงนั้นมีแพลนจะทำอะไรอีกไหม) นอกเหนือจากตรงนั้นก็จะเน้นไปทางออนไลน์มากกว่าเพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจับหนังสือ จับแต่หน้าจอเพราะฉะนั้นสื่อที่จะโฆษณาได้ก็จะเน้นไปทางออนไลน์ โซเชียลมิเดีย เฟซบุ๊ค อินตราแกรม ทุกอย่างเราก็จะบุกตรงนี้ด้วย (แล้วมองหาพาร์ทเนอร์อย่างเช่นสื่อในการโปรโมทออนไลน์ไหม หรือจะบุกผ่านแค่ทางโซเชียลของตัวเอง) ใช่เราก็จะบุกทางโซเชียลของตัวเองเป็นหลัก แล้วก็ค่อยไปตามสื่อต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือ มันก็ต้องไปให้หมดเพราะถ้าอยู่ในช่องทางเราอย่างเดียวมันก็ไม่น่าพอ เราต้องกระจายข่าว

  คำถามสุดท้ายมีอะไรอยากฝากบอกหนุ่มไทยสาวไทยบ้างไหม

อยากให้ทุกคนเปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยนิดหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเห็นเป็นแบรนด์ที่ Make in Thailand ก็อยากให้ช่วยกันเปิดใจ ลองใช้ดูรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนกับสินค้าของประเทศเราเองนะคะ แล้วก็ฝาก PWP ด้วย ว่าเป็นสินค้าดี คุณภาพเกรดพรีเมียม ราคาจับต้องได้สบายกระเป๋าแล้วก็ใช้แล้วเห็นผลแน่นอนค่ะ

สามารถติดตามและสอบถามรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/AECCOS แล  Line : @pwpthailand